– เพื่อความเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าตามกฎหมาย

– ใช้ “ดำเนินคดีและฟ้องร้อง”คนทำสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าหรือทำสินค้าเลียนแบบ(ทำก๊อบ)

– สร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าหรือตัวแทนจำหน่ายว่า“เราคือเจ้าของตัวจริง”

– เป็นหนึ่งในเอกสารที่ใช้สำหรับยื่นเปิดร้านค้าออนไลน์ในเว็บขายออนไลน์(สำหรับคนเน้นทำตลาดยี่ห้อตัวเอง)

– ทำสินค้าขายอย่างเดียวก็ได้ แต่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของตามกฎหมาย คนอื่นอาจจะเอาไปยื่นจดเป็นของเขาได้

 ถ้ามีคนทำสินค้าเลียนแบบ ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เต็มที่ ทั้งๆที่เราลงทุนโฆษณาและทำตลาดจนขายได้ มีคนรู้จัก

– ติดต่อตัวแทนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเครื่องหมายการค้าดีที่สุด เพื่อขอคำแนะนำเบื้องต้นก่อนตัดสินใจยื่น เพราะกฎหมายมีสัญลักษณ์(logo)ต้องห้าม คำต้องห้าม ชื่อต้องห้าม

– ติดต่อตัวแทนที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อนตรวจความเหมือนคล้ายเบื้องต้น จะได้รู้ก่อนตัดสินใจยื่น

– ประมาณ 9-12 เดือน กรณีติดแก้ไขตามคำสั่งนายทะเบียน อาจจะล่าช้าได้ถึง 16 เดือน

– ยื่นอุทธรณ์ การยกร่างคำอุทธรณ์นั้นต้องใช้ภาษากฎหมายและอ้างอิงข้อกฎหมาย ดังนั้นแนะนำให้ใช้ตัวแทนหรือ มืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านดำเนินการดีที่สุด

– สามารถยื่นเพิกถอนได้ โดยการมอบอำนาจให้ตัวแทนมืออาชีพดำเนินการ

– เลือกตัวแทนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำงานรวดเร็ว ตรงไปตรงมา โดยดูจากการพูดคุยเบื้องต้นตอนติดต่อ อย่าดูแต่ราคาถูกอย่างเดียว เครื่องหมายการค้าเรามีความสำคัญมีค่ามากกว่าการดูแค่ราคาค่าดำเนินการ

– จดผ่านที่ไทย คุ้มครองเฉพาะในเขตประเทศไทยเท่านั้น จำง่ายๆ คือ จดที่ไหน…คุ้มครองที่นั่น

– ได้ แต่ตรวจก่อนดีที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่ายังไม่มีคนยื่นชื่อนี้หรือคำนี้แล้ว ไม่งั้น…จะเสียเวลาเสียงเงินเปล่า

– ต้องยื่นจดเครื่องหมายการค้าก่อนทำสินค้าออกมาขาย เพื่อปกกันปัญหาต่างๆที่จะตามมา ดังต่อนี้

 1. อาจจะมีคนแอบเอาไปยื่นจดตัดหน้า…ได้ไปก่อน

 2. มีคนทำเลียนแบบ (counterfeit) แต่ดำเนินคดีไม่ได้ เพราะไม่มีหนังสือรับรองการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

 3. ไม่มีเอกสารรับรองและยืนยันความเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า สำหรับยื่นเปิดหน้าร้านค้าออนไลน์ การออกงานแสดงสินค้าต่างๆทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงการเจรจากับลูกค้าต่างประเทศ

4. อาจจะต้องเสียเงินและเสียเวลาเริ่มต้นใหม่ ทำยี่ห้อใหม่ (new brand) กรณีเครื่องหมายการค้ามีปัญหาเกินแก้ ในขณะที่สินค้ากำลังไปได้ดีและกำลังติดตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าของยี่ห้อ(brand owner)ไม่อยากเจอ

คำแนะนำจากใจทีมงาน  เครื่องหมายการค้า(trademark) เป็นสิ่งแรกที่ต้องนึกถึงและให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก่อนที่จะไปออกแบบ กล่องและบรรจุภัณฑ์อื่นๆตามมา

– ดีทั้งสองแบบ เพราะความคุ้มครองเท่ากัน วันหนึ่งถ้าอยากเปลี่ยนเจ้าของ ก็ยื่นโอนได้เหมือนบ้าน รถ ที่ดิน

กรณียื่นขอจดทะเบียนในชื่อเจ้าของ

1. สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของ พร้อมเซ็นชื่อ
2. หนังสือมอบอำนาจ(ทีมงานตัวแทนดูแลจัดการให้)
3. รูปเครื่องหมายหรือโลโก้ ขนาด 5×5ซม. สีหรือขาวดำก็ได้
4. รายชื่อสินค้าหรือรายการบริการที่ต้องการขอรับความคุ้มครอง

กรณียื่นขอจดทะเบียนในนามบริษัท

1. หนังสือรับรองบริษัท พร้อมเซ็นชื่อ+ประทับตรา
2. หนังสือมอบอำนาจ(ทีมงานตัวแทนดูแลจัดการให้)
3. รูปเครื่องหมายหรือโลโก้ ขนาด 5×5ซม. สีหรือขาวดำก็ได้
4. รายชื่อสินค้าหรือรายการบริการที่ต้องการขอรับความคุ้มครอง

– ได้ แต่ว่าควรยึดหลัก “จดแบบไหน ใช้แบบนั้น” เพราะเวลาเกิดคดีความขึ้นมา จะได้ไม่ต้องอาศัยการตีความ การที่เรามีเอกสารแสดงตรงตามที่ใช้เป๊ะเลยดีที่ แต่ถ้าชอบและอยากใช้แบบใหม่ แนะนำให้ยื่นจดใหม่เลยดีที่สุด