การตรวจค้นความเหมือนคล้าย (Trademark Search)             การตรวจค้นความเหมือนคล้าย (Trademark Search)  เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark Application) เพื่อดูว่ามีเครื่องหมายการค้าอื่นที่เหมือนหรือคล้าย (Identical or Similar Marks) จนทำให้ผู้บริโภคสับสนหรือไม่ การค้นหาอย่างรอบด้านจะช่วยลดความเสี่ยงถูกปฏิเสธ (Reduce Risk of Refusal) และป้องกันข้อพิพาททางกฎหมาย (Legal Disputes) ในอนาคต     การตรวจค้นที่มีประสิทธิ์ภาพควรวิเคราะห์ทั้งการสะกด (Spelling) การออกเสียง (Pronunciation) ความหมาย (Meaning) และ ลักษณะภาพหรือโลโก้ (Visual Elements) เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติ ระยะเวลาดำเนินการโดยทั่วไปประมาณ 1–3 วันทำการ สำหรับพามานี่(ประเทศไทย)ใช้เวลา 30-60 นาที เท่านั้น  ถ้าใช้บริการตัวแทนมืออาชีพ (Professional Search Service) จะได้ผลการประเมินที่ละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ในการปรับแก้ชื่อหรือรูปแบบเครื่องหมายเพื่อเพิ่มโอกาสผ่านการจดทะเบียน.   […]

  การยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark Application)    การยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark Application) คือ ขั้นตอนการขอสิทธิ์คุ้มครองชื่อ โลโก้ หรือสัญลักษณ์ทางการค้า (Brand Mark) ให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ผู้ยื่นต้องเตรียมแบบคำขอ (Application Form) รายละเอียดสินค้า/บริการ (Goods/Services Specification) และเอกสารประกอบ (Supporting Documents) ให้ครบถ้วน เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้องและความเหมือนคล้าย (Similarity Examination) หากไม่มีการคัดค้าน (Opposition) หรือปัญหาด้านกฎหมาย ก็จะประกาศโฆษณา (Publication) และออกหนังสือรับรองการจดทะเบียน (Certificate of Registration) ระยะเวลาดำเนินการโดยทั่วไปประมาณ 12–18 เดือน นับจากวันยื่นคำขอ   การใช้บริการตัวแทนมืออาชีพ (Professional Trademark Agent)   การใช้บริการตัวแทนที่มีความเชี่ยวชาญ (Professional Trademark Agent) ช่วยเพิ่มโอกาสการจดทะเบียนสำเร็จราบรื่น ตัวแทนจะให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย (Legal Consultation)

  การยื่นอุทธรณ์ กรณีนายทะเบียนไม่รับจด(Appeal – Refusal)   อุทธรณ์ หมายถึง “ขอให้ตรวจพิจารณาใหม่” ต้องทำภายในกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด และต้องมีเหตุผลหรือหลักฐานที่ชัดเจนว่าคำสั่งหรือคำพิพากษาเดิมอาจไม่ถูกต้อง การยื่นอุทธรณ์กรณีนายทะเบียนไม่รับจด หรือปฏิเสธรับจดทะเบียน (Appeal – Refusal) คือกระบวนการที่ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark Applicant) ใช้สิทธิ์ขอให้คณะกรรมการเครื่องหมายการค้า (Trademark Board) พิจารณาทบทวนคำสั่งปฏิเสธของนายทะเบียนอีกครั้ง หากเห็นว่าคำสั่งเดิมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนายทะเบียน ผู้ยื่นต้องจัดทำคำขออุทธรณ์ (Appeal Petition) พร้อมเหตุผลทางกฎหมายและหลักฐานประกอบ (Supporting Evidence) ภายใน 60 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งปฏิเสธจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา (Department of Intellectual Property – DIP) ระยะเวลาการพิจารณาอุทธรณ์โดยทั่วไปประมาณ 6–12 เดือน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดี การอุทธรณ์ กรณีมีคำสั่งเพิกถอนเครื่องหมายการค้า(Appeal – Cancellation)        การอุทธรณ์กรณีมีผู้ยื่นคำขอเพิกถอนเครื่องหมายการค้า (Appeal – Cancellation)

  การยื่นโต้แย้งการคัดค้าน (Counterstatement to Opposition) การยื่นโต้แย้งชี้แจงการคัดค้าน (Counterstatement to Opposition) คือขั้นตอนที่ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark Applicant) ใช้สิทธิ์ตอบโต้คำคัดค้าน (Opposition) ที่มีบุคคลหรือธุรกิจอื่นยื่นเข้ามาภายหลังประกาศโฆษณา ผู้ยื่นต้องจัดทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร (Written Counterstatement) พร้อมเหตุผลทางกฎหมายและหลักฐานประกอบ (Supporting Evidence) เพื่อแสดงว่าเครื่องหมายการค้าของตนไม่เหมือนหรือไม่คล้าย (Not Confusingly Similar) และไม่ขัดต่อกฎหมายเครื่องหมายการค้า คำโต้แย้งต้องยื่น ภายใน 60 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งคัดค้านจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา (Department of Intellectual Property – DIP) ระยะเวลาการพิจารณาโดยทั่วไปประมาณ 6–12 เดือน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดีและปริมาณพยานหลักฐานที่ใช้ในการสืบพิจารณา

  การยื่นคัดค้าน (Trademark Opposition)         การยื่นคัดค้าน (Trademark Opposition) คือ กระบวนการที่ผู้มีส่วนได้เสีย (Interested Party) ขอคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark Application) ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างประกาศโฆษณา (Publication) หากเห็นว่าเครื่องหมายดังกล่าวมีความเหมือนหรือคล้าย (Similarity) จนอาจก่อให้เกิดความสับสนแก่ผู้บริโภค หรือขัดต่อกฎหมาย (Legal Grounds) ผู้คัดค้านต้องยื่นคำคัดค้านพร้อมเหตุผลและหลักฐาน (Supporting Evidence) ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา (Department of Intellectual Property – DIP) ภายใน 60 วัน นับจากวันที่ประกาศโฆษณา ระยะเวลาพิจารณาโดยทั่วไปประมาณ 6–12 เดือน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดี

  การยื่นต่ออายุเครื่องหมายการค้า(Trademark Renewal) การยื่นต่ออายุเครื่องหมายการค้า (Trademark Renewal) คือขั้นตอนที่เจ้าของเครื่องหมายการค้า (Trademark Owner) ขอขยายระยะเวลาคุ้มครองสิทธิ์ หลังจากการจดทะเบียนครบกำหนด 10 ปี (Ten-Year Term) เพื่อให้สิทธิ์ยังคงมีผลตามกฎหมายต่อเนื่อง เจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือตัวแทนสามารถยื่นคำขอต่ออายุ (Renewal Application) ได้ ล่วงหน้า 6 เดือนก่อนวันครบกำหนด โดยต้องจัดเตรียมแบบคำขอ (Application Form) เอกสารทะเบียนเดิม (Certificate of Registration) และชำระค่าธรรมเนียมตามที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา (Department of Intellectual Property – DIP) กำหนด ระยะเวลาดำเนินการโดยทั่วไปประมาณ 1–2 เดือน นับจากวันที่ยื่นคำขอครบถ้วน

  การยื่นแก้ไขข้อมูลเครื่องหมายการค้า(Amendment of Trademark Information)     การยื่นแก้ไขเปลี่ยนข้อมูลเครื่องหมายการค้า (Amendment of Trademark Information) คือขั้นตอนที่เจ้าของคำขอหรือเจ้าของทะเบียนเครื่องหมายการค้า ขอปรับปรุงหรือแก้ไขรายละเอียดในคำขอหรือทะเบียนที่มีอยู่ เช่น ชื่อผู้ยื่น (Applicant’s Name), ที่อยู่ (Address), รายการสินค้า/บริการ (Goods/Services) หรือข้อมูลอื่นที่จำเป็นต้องอัปเดตให้ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ยื่นต้องจัดทำคำขอแก้ไข (Amendment Request) พร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง (Supporting Documents) และชำระค่าธรรมเนียมตามที่กำหนด ระยะเวลาดำเนินการโดยทั่วไปประมาณ 1–3 เดือน นับจากวันที่ยื่นคำขอและเอกสารครบถ้วน การแก้ไขข้อมูลจะไม่ส่งผลสิทธิ์ความคุ้มครองของเครื่องหมายการค้า

  การโอนเครื่องหมายการค้า(Trademark Assignment) การโอนเครื่องหมายการค้า (Trademark Assignment) คือกระบวนการที่ เจ้าของเครื่องหมายการค้า (Assignor) โอนสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าพร้อมสิทธิ์ทางกฎหมายทั้งหมดให้แก่ ผู้รับโอน (Assignee) ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือบริษัท เพื่อให้ผู้รับโอนเป็นเจ้าของสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ ผู้โอนและผู้รับโอนต้องทำ สัญญาโอนสิทธิ์เป็นลายลักษณ์อักษร (Written Assignment Agreement) พร้อมจัดเตรียมเอกสารหลักฐาน เช่น ใบรับรองการจดทะเบียน (Certificate of Registration) และเอกสารแสดงตัวตนของคู่สัญญา จากนั้นต้องยื่นคำร้องขอโอนสิทธิ์ต่อ กรมทรัพย์สินทางปัญญา (Department of Intellectual Property – DIP) เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงในทะเบียน ระยะเวลาดำเนินการโดยทั่วไปประมาณ 2–4 เดือน นับจากวันที่ยื่นเอกสารครบถ้วน

  การยื่นเพิกถอนเครื่องหมายการค้า(Trademark Cancellation) การยื่นเพิกถอนเครื่องหมายการค้า (Trademark Cancellation) คือ การขอให้หน่วยงานหรือศาลเพิกถอนเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้ว เมื่อพบว่าการจดทะเบียนนั้นไม่เป็นไปตามกฎหมาย (Not in Compliance with Law) หรือเจ้าของเครื่องหมายไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยการเพิกถอนแบ่งได้เป็น 2 กรณีหลัก ดังนี้ เพิกถอนเพราะจดแล้วไม่มีการใช้ (Non-Use Cancellation) หากเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ได้ใช้เครื่องหมายนั้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน (3-Year Non-Use) ผู้มีส่วนได้เสียสามารถยื่นคำขอเพิกถอนได้ ระยะเวลาดำเนินการ ประมาณ 12–18 เดือน เพิกถอนเพราะจดทะเบียนโดยไม่สุจริต (Bad-Faith Cancellation)เมื่อการจดทะเบียนมีเจตนาไม่ดีหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย (Bad Faith / Invalid Registration)เช่น การลอกเลียนเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงหรือยื่นจดเพื่อกีดกันคู่แข่ง ระยะเวลาดำเนินการ ประมาณ 12–24 เดือน การเพิกถอนต้องยื่นคำร้องพร้อมเหตุผลและหลักฐาน (Supporting Evidence) ต่อ กรมทรัพย์สินทางปัญญา (Department of Intellectual Property – DIP)

  การฟ้องคดีต่อศาล กรณีมีการละเมิดเครื่องหมายการค้า(Trademark Infringement Litigation) การฟ้องคดีต่อศาลกรณีมีการละเมิดเครื่องหมายการค้า (Trademark Infringement Litigation) คือกระบวนการทางกฎหมายที่ เจ้าของเครื่องหมายการค้า (Trademark Owner) ใช้เพื่อ ปกป้องสิทธิ์เมื่อพบว่ามีบุคคลหรือธุรกิจอื่นใช้เครื่องหมายที่เหมือนหรือคล้าย (Identical or Confusingly Similar Mark) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันอาจทำให้ผู้บริโภคสับสนและเกิดความเสียหายทางธุรกิจ ผู้เสียหายสามารถยื่นฟ้องต่อ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ (Intellectual Property and International Trade Court – IP&IT Court) เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่ง ระงับการละเมิด (Injunction) เรียกร้อง ค่าเสียหาย (Damages) และ/หรือ สั่งทำลายสินค้าที่ละเมิด (Destruction of Infringing Goods) การดำเนินคดีนี้ต้องมีหลักฐานชัดเจน เช่น หนังสือรับรองการจดทะเบียน (Certificate of Registration) และเอกสารพิสูจน์การละเมิด (Evidence of Infringement)