การยื่นเพิกถอนเครื่องหมายการค้า
(Trademark Cancellation)
การยื่นเพิกถอนเครื่องหมายการค้า (Trademark Cancellation) คือ การขอให้หน่วยงานหรือศาลเพิกถอนเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้ว เมื่อพบว่าการจดทะเบียนนั้นไม่เป็นไปตามกฎหมาย (Not in Compliance with Law) หรือเจ้าของเครื่องหมายไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยการเพิกถอนแบ่งได้เป็น 2 กรณีหลัก ดังนี้
- เพิกถอนเพราะจดแล้วไม่มีการใช้ (Non-Use Cancellation) หากเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ได้ใช้เครื่องหมายนั้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน (3-Year Non-Use) ผู้มีส่วนได้เสียสามารถยื่นคำขอเพิกถอนได้ ระยะเวลาดำเนินการ ประมาณ 12–18 เดือน
- เพิกถอนเพราะจดทะเบียนโดยไม่สุจริต (Bad-Faith Cancellation)
เมื่อการจดทะเบียนมีเจตนาไม่ดีหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย (Bad Faith / Invalid Registration)
เช่น การลอกเลียนเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงหรือยื่นจดเพื่อกีดกันคู่แข่ง ระยะเวลาดำเนินการ ประมาณ 12–24 เดือน
การเพิกถอนต้องยื่นคำร้องพร้อมเหตุผลและหลักฐาน (Supporting Evidence) ต่อ กรมทรัพย์สินทางปัญญา (Department of Intellectual Property – DIP) หรือ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ (IP&IT Court) เพื่อให้ตรวจสอบและมีคำสั่งเพิกถอนเครื่องหมายการค้านั้นตามกฎหมาย
การยื่นโต้แย้งการยื่นเพิกถอน
(Counterstatement to Cancellation)
การยื่นโต้แย้งชี้แจงเหตุผลต่อการยื่นเพิกถอน (Counterstatement to Cancellation) คือกระบวนการที่เจ้าของเครื่องหมายการค้า (Trademark Owner) ใช้สิทธิ์ตอบโต้คำร้องเพิกถอนเครื่องหมายการค้า (Trademark Cancellation Petition) ที่มีผู้ยื่นเข้ามา โดยต้องจัดทำหนังสือชี้แจง (Written Counterstatement) พร้อมเหตุผลทางกฎหมายและหลักฐานสนับสนุน (Supporting Evidence) เพื่อพิสูจน์ว่าเครื่องหมายการค้าของตนยังคงถูกต้องและมีการใช้งานจริง ผู้ยื่นต้องดำเนินการ ภายใน 60 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งการเพิกถอนจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา (Department of Intellectual Property – DIP) หรือศาลที่เกี่ยวข้อง ระยะเวลาพิจารณาคำโต้แย้งโดยทั่วไปประมาณ 6–12 เดือน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดีและพยานหลักฐานที่นำเสนอ แนะนำให้ใช้ทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเครื่องหมายการค้าดำเนินการ


